วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

คนใกล้ตัวที่มักถูกมองข้าม

แอมเสาวลักษณ์ ลีละบุตร

เล่าว่าได้พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลับจากการไปปลูกป่า หน้าตาของเธอ

เบิกบานด้วยความปีติที่ได้ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ

เธอพรรณนาถึงคุณประโยชน์มากมายของการปลูกป่า ทั้ง

บรรเทาโลกร้อน เพิ่มออกซิเจน ให้ร่มเงา ปกป้องหน้าดิน

และช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกา ฯลฯ

เธอยังเล่าถึงนักปลูกป่าอย่าง ..วิชัย

ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนมากมาย

ดีจังเลยแอมยินดีกับเพื่อน ตอนนี้เธอปลูกต้นไม้ที่บ้านเยอะเลยซีท่า

เพื่อนทำหน้าเซ็งทันทีแล้วตอบว่า โอ๊ย ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยู่ได้

เลยตัดทิ้งไปแล้ว

รักป่ารักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน

เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่

คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก

แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ จากนั้นก็

กลับบ้านได้เลย แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ

เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่

ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน

วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู

เป็น เพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม

ไม่เป็นภาระแก่เราเลย เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้อ งการดูแลเอาใจใส่จากเรา

แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึง

มองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา

เป็น เพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า

ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน

เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย

ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่

ใกล้กับเรามากเกินไปจึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา

หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดี

ของเขาไปเกือบหมด ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล

แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว

ลอง มองให้เห็นคุณประโยชน์หรือความดีของต้นไม้ในบ้านบ้าง

เราอาจจะรักเขาได้ง่ายขึ้น หลายคน

มาเห็นประโยชน์ของต้นไม้ในบ้านก็หลังจากที่โค่นจนเหลือแต่ตอ

แต่นั่นก็สายไปแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ

หากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะที่ยังอยู่กับเรา

กับคนในบ้านก็เช่นกัน เราควรหัดชื่นชมคุณความดีของเขาบ้าง

ที่แล้วมาเราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็น เรื่องธรรมดา

เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็

กลายเป็นเพลงดาษ ไม่มีเสน่ห์สำหรับเรา ฉันใดก็ฉันนั้น

คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี

หรือความใส่ใจของพ่อแม่ หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปี

หรือนานนับสิบปี ก็กลับกลาย

เป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ

ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้ง ที่ขาดมันไม่ได้เลย

น่าแปลกก็ตรงที่หากคนใกล้ ตัวทำผิดพลาดหรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา

แม้เพียงครั้งเดียว การกระทำนั้น

กลับฝังใจเราได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง

ใช่หรือไม่ว่าเวลา

เขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น หน้าที่ของเขาหรือเป็น

สิทธิที่เราควรได้รับแต่เมื่อใดที่เขา

ทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น

สิ่งที่ไม่สมควรเป็นเรื่อง

ไม่ธรรมดาดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า

อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน แต่

ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เรา

หัวเสีย ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน

คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด

ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเร าบ้าง แต่หาก

เราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา

เปิดใจรับรู้ความรักที่เขา

มีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น

และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัว

เสียอีก อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา

ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว

อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร

เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น เพราะใจที่ชอบ

เห็นแต่แง่ลบมากกว่าแง่บวก มิใช่แค่ต้นไม้ในบ้าน หรือคนในบ้านเท่านั้น

หากยังรวมถึงทรัพย์สมบัติในบ้านด้วย แต่นั่นยังไม่ใกล้เท่ากับร่างกายและจิตใจของเราเอง

ไม่ว่าสวยเท่าใดก็ยังเห็นแต่ความไม่งามของตัวเอง ไม่ว่าจะทำดีเพียงใดก็ยังเห็นแต่ตัวเองในแง่ร้าย

คนที่เกลียดตัวเองนั้นทุกวันนี้มีมากมาย ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียดเพราะไม่ดีอย่างที่หวัง

ยิ่งยึดติดคาดหวังกับความสมบูรณ์พร้อม ก็ยิ่งเห็นแต่ความพร่องของตนเอง

ลอง มองให้เห็นความดีของตัวเองบ้าง ให้อภัยกับความผิดพลาด

ยอมรับความไม่สมบูรณ์พร้อม ใช้สิ่งที่

มีอยู่แม้น้อยนิดเพื่อการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม

แล้วคุณจะรักตัวเองได้มากขึ้น

*************